ในการนี้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ รองศาสตราจารย์ ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงานเป้าหมายสำคัญ ววน. ด้านการบริหารจัดการน้ำ พร้อมด้วยคณะผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. และเครือข่ายนักวิจัยในพื้นที่ภาคใต้ ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความก้าวหน้า ประเมินสถานการณ์จริง และรับฟังข้อเสนอแนะจากชุมชนในพื้นที่
จังหวัดพัทลุง – ตำบลนาท่อม
คณะฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบริเวณประตูระบายน้ำคลองนาท่อม รวมถึงประตูระบายน้ำลำดับที่ 2 และ 5 ของคลองลำเบ็ด ซึ่งเป็นจุดที่ประสบปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่เกษตรกรรมในวงกว้าง และยังคงมีความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้มีการหารือร่วมกับกรมชลประทานถึงแนวทางการประยุกต์ใช้องค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา เช่น การปรับปรุงระบบระบายน้ำ การเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายน้ำ และการพัฒนาระบบชลประทานให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่
จังหวัดสงขลา – เขตเทศบาลเมืองคอหงส์
คณะได้ลงพื้นที่สำรวจระบบจัดการน้ำบริเวณคลองภูมินาถดำริ (คลอง ร.1) และบึงรับน้ำคลองเรียน ซึ่งมีการนำระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น ระบบเรดาห์และแบบจำลองการคาดการณ์ปริมาณน้ำ มาใช้ในการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับเหตุการณ์อุทกภัยได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาแผนบริหารความเสี่ยงในระดับชุมชน ทั้งในด้านการสื่อสารข้อมูล การเตรียมการรับมือ และการกระจายความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัญหาหลักของพื้นที่ดังกล่าวมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ที่ดิน ซึ่งส่งผลต่อขีดความสามารถของระบบระบายน้ำเดิมที่มีอยู่
การส่งเสริมอาชีพควบคู่การจัดการน้ำอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังได้เยี่ยมชมพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม จังหวัดสงขลา ซึ่งมีการส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ให้ปลูกดาวเรืองสลับกับพืชหลักในแปลงเกษตรกรรม เพื่อสร้างรายได้เสริมในช่วงฤดูแล้ง เป็นแนวทางหนึ่งในการจัดการทรัพยากรน้ำควบคู่กับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของชุมชน
แผนงานน้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง เป็นการดำเนินงานวิจัยและนวัตกรรมเชิงพื้นที่ที่มุ่งเน้นการสร้างผลกระทบในระดับชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่เป็นศูนย์กลาง วช. ยังคงเดินหน้าในการประสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายนักวิจัย หน่วยงานรัฐ และชุมชนท้องถิ่น เพื่อยกระดับการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนในระยะยาว พร้อมทั้งขยายผลสู่พื้นที่อื่นในภูมิภาคต่อไป








